“ภาวะก่อนเบาหวาน” ป้องกันได้ก่อนสายไป

ภาวะก่อนเบาหวาน ป้องกันได้ก่อนสายไป

น้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia) เป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงกว่าปกติ โดยมีค่าสูงกว่า 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร (ค่าปกติอยู่ที่ 70 – 100) ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานหากไม่ควบคุมให้อยู่ในระดับที่พอดี


การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เป็นหนทางหนึ่งในการลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ทั้งนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากการควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลายอย่าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับคนที่มีความตั้งใจ ซึ่งมีแนวทางปฏิบัติง่าย ๆ ดังนี้

1. เลือกรับประทานอาหาร
อะไรที่นำเข้าปากล้วนมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดเสมอ ควรกินอาหารให้ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ ในสัดส่วนและปริมาณที่เหมาะสม แนะนำให้กินอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่นข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต โฮลเกรน หรือขนมปังโฮลวีต เนื่องจากไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

นอกจากการเลือกรับประทานอาหารแล้ว สารอาหารบางชนิดที่จำเพาะเจาะจงยังมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ และอาจช่วยชดเชยการทานยาเคมีเพื่อลดภาระให้ไต เช่น กลุ่มสารสกัดจากธรรมชาติ 5 ชนิด ได้แก่ อบเชย,ชาเขียว,ปัญจขันธ์,ขมิ้นชัน และ OPCs (Oligomeric Proanthocyanidins) ที่ล้วนมีข้อมูลทางการแพทย์สนับสนุนว่าช่วยควบคุมระดับน้ำตาล 

สารอาหารเหล่านี้สามารถหาทานได้ในรูปแบบอาหารเสริม ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ PreBS ของ Interpharma ที่ใช้เทคโนโลยี Encapsulation and Chelating ที่ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม และกำจัดสารปนเปื้อน ให้สารอาหารออกฤทธิ์ตามสรรพคุณและมีประสิทธิภาพสูงสุด


2.
ออกกำลังกาย การเคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ ทำให้ร่างกายนำพลังงานไปใช้ ซึ่งหมายถึงน้ำตาลที่อยู่ในเลือดด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดควรระมัดระวังในการเลือกประเภทของการออกกำลังกายด้วย โดยอาจขอคำแนะนำจากแพทย์ในเบื้องต้น และผู้ป่วยเบาหวานที่ตรวจพบคีโตนในปัสสาวะไม่ควรออกกำลังกาย


3.
จัดการกับความเครียด เมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ทิซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกหิวของหวาน และทำให้ฮอร์โมนกลูคากอน ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและเพิ่มกลูโคสในกระแสเลือดถูกหลั่งออกมามากกว่าปกติ ระดับน้ำตาลในเลือดจึงสูงขึ้น การมีอารมณ์ดี ไม่เครียด จึงเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้


4.
พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอจะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดแกว่งได้ นอกจากนี้ยังไม่ควรนอนดึก เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และฮอร์โมนต่างๆ หลั่งออกมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ไม่อ่อนเพลียง่าย มีอารมณ์แจ่มใสและไม่เครียด ทำให้ไม่รู้สึกอยากกินของหวาน


หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ตามแนวทางปฏิบัติทั้ง 4 ข้อนี้ ก็จะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุลได้ไม่ยาก และลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานได้

 

ด้วยความปรารถนาดี

Interpharma Thailand 

อ้างอิงข้อมูลจาก : pobpad

PreBS

ทางเลือกเพื่อป้องกัน และควบคุมโรคเบาหวาน โดยสารสกัดจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี ไม่สร้างภาระให้ไต